20 มีนาคม 2560
![กปภ.และกรมชลประทานลงนาม MOU ร่วมกันพัฒนาแหล่งน้ำ และแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ](/images/news/default-news.jpg)
การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU)กับกรมชลประทานว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกรมชลประทานและการประปาส่วนภูมิภาคเพื่อกิจการประปา นำไปสู่การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและยั่งยืน ในวันจันทร์ที่ 20 มีนาคม 2560 ณ ห้องประชุมอาคารประปาวิวัฒน์ กปภ.สำนักงานใหญ่
นายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า กรมชลประทาน มีภารกิจในด้านการพัฒนาแหล่งน้ำและเพิ่มพื้นที่ชลประทานตามศักยภาพของลุ่มน้ำให้เกิดความสมดุล บริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการให้เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ซึ่งนับวันความต้องการใช้น้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากสถิติปี พ.ศ. 2557 ความต้องการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค มีมากถึง 6,490 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดการณ์ว่าในอนาคตปี พ.ศ. 2570 ความต้องการใช้น้ำจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 8,260 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องด้วยการเพิ่มของจำนวนประชากร การขยายตัวของภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ด้านการค้าในระดับท้องถิ่นและภูมิภาค สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 12 ปี ยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ระยะ 20 ปี ทั้งนี้รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์การจัดการน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคเป็น 1 ใน 6 ยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปีของประเทศ ด้วยการวางแผนพัฒนาจัดหาแหล่งน้ำต้นทุนให้เพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคทั้งในปัจจุบันและอนาคต สำหรับช่วงฤดูแล้งปีนี้กรมชลประทานได้วางแผนจัดสรรน้ำจากเขื่อนต่างๆ เพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก โดยทั้งประเทศได้จัดสรรน้ำจากเขื่อนต่าง ๆ ไว้เพื่อการอุปโภคบริโภค 2,339 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะนี้จัดสรรไปแล้วประมาณ 1,640 ล้านลูกบาศก์เมตรและสามารถสนับสนุนในกิจกรรมดังกล่าวได้ตลอดฤดูแล้งต่อเนื่องกับฤดูฝนปี 2560 โดยไม่ขาดแคลน
นายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้ว่าการ กปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันในหลายพื้นที่ของประเทศไทยมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ทำให้ความต้องการใช้น้ำประปาเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงมีพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะประสบปัญหาขาดแคลนแหล่งน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปา ที่ผ่านมา กปภ.ได้พยายามหาแหล่งน้ำดิบเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มอัตราการผลิตและจ่ายน้ำประปาให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องและเพื่อให้เกิดความมั่นคงของการใช้น้ำประปาเพื่อการอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะน้ำสำหรับการผลิตประปาทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในความรับผิดชอบของการประปาส่วนภูมิภาค จึงได้จัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ(MOU)ร่วมกันว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกรมชลประทานและการประปาส่วนภูมิภาคเพื่อกิจการประปา เป็นการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างทั้งสองหน่วยงานในการใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดและยั่งยืน รวมทั้งร่วมกันผลักดันและพัฒนาแหล่งน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคอย่างยั่งยืนและจะไม่ขาดแคลนน้ำในการผลิตน้ำประปา
โดยมีกรอบการดำเนินงานแบบบูรณาการร่วมกันทั้งในด้านการบริหารจัดการน้ำ การประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลองค์ความรู้ เพื่อรองรับภารกิจหลักของทั้งสองหน่วยงานให้ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ รวมทั้งกำหนดบทบาทหน้าที่ ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย และร่วมกันทำงานในรูปแบบของคณะทำงานในการกำหนดแผนงาน/โครงการ แผนการจัดสรรน้ำสำหรับการผลิตน้ำประปา การก่อสร้างระบบประปาในเขตชลประทาน และการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปาในกรณีวิกฤต รวมไปถึงการสนับสนุน ให้การประปาส่วนภูมิภาคเข้ามามีส่วนร่วมเป็นคณะกรรมการจัดการน้ำชลประทาน (JMC)ในพื้นที่ต่าง ๆ เป็นต้น
การลงนามในบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ จะทำให้ความร่วมมือกันระหว่างกรมชลประทานและการประปาส่วนภูมิภาค ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ นั่นคือ "ประชาชนต้องไม่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดและยั่งยืนตลอดไป"