กปภ. เผยวางท่อส่งน้ำดิบจากเขื่อนรัชชประภาไปยังเกาะภูเก็ตแก้ปัญหาน้ำได้อย่างยั่งยืน (การประปาส่วนภูมิภาค)

    การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เผยแผนระยะยาวแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำประปาอย่างยั่งยืนบนเกาะภูเก็ต ด้วยการวางท่อส่งน้ำดิบจากเขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี ความยาว 185 กิโลเมตร ไปยังเกาะภูเก็ต พร้อมส่งไปยังจังหวัดพังงา และจังหวัดกระบี่ เชื่อทำให้ 3 จังหวัดพ้นวิกฤติในอนาคต

    นายบัญญัติ  จันทน์เสนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา และจังหวัดกระบี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทย รัฐบาลจึงมีนโยบายพัฒนาให้เป็นเมืองที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวนานาชาติ ซึ่งการพัฒนานี้จะมีผลทำให้ธุรกิจอื่นๆ ที่มารองรับการท่องเที่ยวเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย สำหรับน้ำอุปโภคบริโภคซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวนั้น เนื่องจากโดยศักยภาพของเกาะภูเก็ตจะมีปริมาณน้ำจืดค่อนข้างจำกัด และมีความเสี่ยงเรื่องขาดแคลนน้ำดิบอยู่เสมอ ดังเช่นในปี พ.ศ. 2545 ที่เกิดภาวะฝนแล้ง เกิดปัญหาน้ำประปาไม่เพียงพออย่างรุนแรง ส่งผลกระทบต่อประชาชน ต่อนักท่องเที่ยวบนเกาะ และต่อภาพลักษณ์ของประเทศเป็นอย่างมาก กปภ. จึงได้แก้ปัญหาขาดแคลนน้ำดิบอย่างเร่งด่วน ด้วยการนำน้ำทะเลมาผ่านกระบวนการ Reverse osmosis เป็นน้ำจืด หรือ น้ำ R.O. เนื่องจากติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถฝ่าวิกฤติขาดแคลนน้ำดิบได้จนถึงปี 2553

    สำหรับการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำดิบในระยะยั่งยืนนั้น กปภ. ได้เสนอแผนยั่งยืน โดยจัดทำเป็นเครือข่ายน้ำดิบรองรับความต้องการใช้น้ำประปาครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา และจังหวัดกระบี่ ซึ่งจะมีการวางโครงข่ายท่อส่งน้ำดิบจากเขื่อนรัชชประภา   จ.สุราษฎร์ธานี (ความจุ 5,600 ล้าน ลบ.ม.) ไปยังเกาะภูเก็ต ความยาวท่อประมาณ 185 กิโลเมตร โดยจะใช้งบประมาณ 3,855 ล้านบาทสำหรับการวางท่อส่งน้ำดิบรองรับตามความต้องการน้ำที่จะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยปีละ 10% ในพื้นที่ 3 จังหวัดข้างต้น คาดว่าในปี 2560 ความต้องการใช้น้ำใน 3 จังหวัดจะสูงถึง 132,000 ลบ.ม./วัน คิดเป็น 0.8 % ของปริมาณน้ำในเขื่อนรัชชประภา  ทั้งนี้ เมื่อดำเนินโครงการแล้วเสร็จ จะช่วยให้จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา และจังหวัดกระบี่ ไม่มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำในระยะยาวอีกต่อไป

    นายชวลิต สารันต์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ กปภ. กำลังดำเนินการของบประมาณจากรัฐบาลจำนวน 80 ล้านบาท เพื่อศึกษาความเหมาะสมของโครงการ ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐศาสตร์ เทคนิคการก่อสร้าง รวมถึง ออกแบบรายละเอียดโครงการ คาดว่าเมื่อรัฐบาลอนุมัติงบประมาณแล้ว จะใช้เวลาศึกษาประมาณ 1 ปี เพื่อให้ทันต่อการสนองความต้องการใช้น้ำของเกาะภูเก็ตที่คาดว่าภายในปี 2553 จะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำดิบอีกครั้ง