ยกย่องผู้ประกอบการในพื้นที่ปทุมธานี-รังสิต

01 พฤศจิกายน 2547


ยกย่องผู้ประกอบการในพื้นที่ปทุมธานี-รังสิต

    กปภ.ปลื้มชาวปทุมธานี-รังสิต ให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมของชาติ ร่วมสนองนโยบายรัฐใช้ประปาแทนบาดาลเพิ่มจากปีก่อน 22 % เผยแผนรองรับความต้องการในอนาคต สร้างโรงกรองใหม่เสร็จใน 2 ปี แต่ยังห่วงโรงงานในนครปฐม-สมุทรสาคร เมินปิดบ่อฝืนใช้น้ำบาดาล

    ดร.ประเสริฐ เชื้อพานิช รองผู้ว่าการภาค 1 รักษาการผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เปิดเผยว่าตามที่ กปภ. ได้ดำเนินโครงการผลิตน้ำประปาผิวดินทดแทนน้ำบาดาลในพื้นที่ปทุมธานี-รังสิต มาตั้งแต่ปี 2541 มีโรงงานและหมู่บ้านจัดสรรในพื้นที่ให้ความสนใจมาติดต่อขอเป็นลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภายหลังต้นปี 2547 ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการอย่างจริงจังให้ปิดบ่อบาดาลในพื้นที่วิกฤตการณ์น้ำบาดาล เพื่อเร่งแก้ปัญหาแผ่นดินทรุด มีโรงงานและหมู่บ้านจัดสรรติดต่อขอเป็นลูกค้าจำนวนมาก วัดได้จากปริมาณน้ำจำหน่ายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นจากวันละ 205,711 ลบ.ม. เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 2546 เป็นวันละ 251,151 ลบ.ม. เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 2547 คิดเป็นร้อยละ 22 ขณะที่โรงกรองน้ำปทุมธานีมีกำลังผลิตวันละ 288,000 ลบ.ม. โดยจ่ายน้ำประปาอีกส่วนหนึ่งไปบริการลูกค้าใน จ.พระนครศรีอยุธยาด้วย

    และเพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นของชาวปทุมธานี-รังสิต กปภ.จึงได้ขออนุมัติจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อก่อสร้างโรงกรองน้ำแห่งใหม่ขึ้นที่บริเวณถนนรังสิต-นครนายก คลอง 13 โดยมีกำลังผลิตวันละ 50,000 ลบ.ม. คาดว่าจะเสร็จประมาณปลายปี 2549 นอกจากนี้ ยังได้ก่อสร้างโรงกรองน้ำใหม่ ตลอดจนปรับปรุงเพิ่มกำลังผลิตของโรงกรองน้ำเดิมที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ให้มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้น 3 เท่า เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำในพื้นที่พระนครศรีอยุธยาทั้งหมด ทั้งนี้ คาดว่าการก่อสร้างบางส่วนจะแล้วเสร็จเริ่มจ่ายน้ำบริการประชาชนได้เพิ่มขึ้นประมาณเดือนกันยายน 2548 และจะเสร็จสมบูรณ์ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2549 ซึ่งหลังจากนั้นโรงกรองน้ำปทุมธานีก็จะมีน้ำประปาเพียงพอสำหรับพื้นที่ปทุมธานี

       นายนคร จิรเศวตกุล รองผู้ว่าการภาค 4 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่บริการน้ำประปาที่อยู่ในพื้นที่ปิดบ่อบาดาลกล่าวเพิ่มเติมว่า จากความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ปทุมธานีและพระนครศรีอยุธยาที่เพิ่มขึ้นมาก แสดงให้เห็นว่าประชาชนและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเยียวยาสิ่งแวดล้อมของชาติ ส่งผลให้นโยบายปิดบ่อบาดาลของรัฐบาลในพื้นที่นี้ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ แต่ที่ยังน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งก็คือ โครงการปิดบ่อบาดาลในพื้นที่จังหวัดนครปฐมและสมุทรสาคร ที่รัฐบาลเร่งรัด กปภ.ให้บริการตั้งแต่ต้นปี 2547 แต่ยังได้รับความสนใจจากสถานประกอบการน้อยมาก จึงขอวิงวอนให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนมาใช้น้ำประปาแทนน้ำบาดาลเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาแผ่นดินทรุด

     อย่างไรก็ตาม เพื่อแบ่งเบาภาระให้แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ จ.นครปฐมและสมุทรสาคร กปภ.ได้จัดรายการส่งเสริมการตลาดด้วยการลดค่าติดตั้งประปา 15% และลดค่าน้ำสูงสุด 30% สำหรับผู้ประกอบการที่มาขอติดตั้งประปาใหม่และมีการทำสัญญาใช้น้ำขั้นต่ำแบบขายเหมาภายในวันที่ 31 มีนาคม 2548 นี้ด้วย.

 
เลื่อนขึ้นข้างบน