14 พฤศจิกายน 2566

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย มีกำหนดการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานแก่คณะผู้บริหาร และพนักงาน การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารประปาวิวัฒน์ กปภ. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566
นายจักรพงศ์ คำจันทร์ รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ 2) รักษาการแทนผู้ว่าการ กปภ. เปิดเผยว่า กปภ. มุ่งพัฒนาการให้บริการด้านสาธารณูปโภคด้านน้ำประปาและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในทุกมิติ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วประเทศ สนองนโยบายรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย โดยในปีงบประมาณ 2567 กปภ. คาดว่าโครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายระบบประปาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบผลิตน้ำ ระบบส่งน้ำ และระบบจ่ายน้ำประปา ให้บริการน้ำประปาแก่ประชาชนในทุกพื้นที่ภูมิภาคจะแล้วเสร็จ รวม 22 โครงการ สามารถเพิ่มกำลังการผลิตประมาณ 900,000 ลบ.ม./วัน ส่งผลให้ประชาชนได้ใช้น้ำประปาเพิ่มขึ้นเกือบ500,000 ครัวเรือน พร้อมทั้งจะดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่เร่งด่วนและสำคัญ 5 โครงการ ในพื้นที่ จ.น่าน เชียงราย พังงา ภูเก็ต ตรัง และนครศรีธรรมราช ซึ่งจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตประมาณ 120,000 ลบ.ม./วัน ประชาชนได้ใช้น้ำประปาเพิ่ม 50,000 กว่าครัวเรือน นอกเหนือจากการส่งมอบบริการด้านน้ำประปาที่ดีแก่ลูกค้าแล้ว กปภ. ยังตอกย้ำความสำเร็จการันตีคุณภาพผลงานด้วยรางวัล ดังนี้ 1) รางวัลหน่วยงานที่มีส่วนร่วมในการดำเนินงานโครงการตอบแทนคุณระบบนิเวศ จากสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หรือ BEDO2)รางวัลหน่วยงานภาครัฐที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชนดีเด่น จาก SiamrathOnline Awards 2023 3) รางวัลเหรียญเงินผลงาน "การติดตามมาตรตายและผิดปกติเพื่อลดน้ำสูญเสีย (เชิงพาณิชย์)"และรางวัลอันดับที่ 1 ในผลงาน Kaizen ที่โดนใจมากที่สุด จากงาน Thailand Kaizen Award 2023โดยสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) 4) รางวัลชนะเลิศ ผลงาน "ระบบติดตามมาตรวัดน้ำ"จากการประกวดไคเซ็นยอดเยี่ยม ภาคอุตสาหกรรม ประจำปี 2566 จากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
รักษาการแทนผู้ว่าการ กปภ.กล่าวเพิ่มเติมว่า กปภ. ตอบรับนโยบายตามข้อสั่งการของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขยายเวลาชำระค่าน้ำประปา เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่มีค่าน้ำประปาคงค้างไม่เกิน 150 บาท/เดือน ให้สามารถค้างชำระค่าน้ำประปาได้ 3 เดือนรวมเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 450 บาท จากเงื่อนไขเดิมที่สามารถค้างชำระค่าน้ำประปาได้เพียง 2 เดือน โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนพฤศจิกายน 2566 - มกราคม 2567